10 เรื่องควรรู้ก่อนสร้างโกดังสำเร็จรูป
เลือกขนาดและรูปแบบที่เหมาะสม
ตรวจสอบระยะเวลาการก่อสร้าง
พิจารณาเรื่องงบประมาณ
สำรวจข้อบังคับและกฎหมาย
ทำเลที่ตั้งและการเข้าถึง
ระบบระบายน้ำและการระบายอากาศ
การเลือกใช้วัสดุและโครงสร้าง
ความแข็งแรงและความทนทาน
ระบบป้องกันไฟและความปลอดภัย
ดับบำรุงรักษาระยะยาว
โดย Happy Cons – รับสร้างโกดังสำเร็จรูปพร้อมรับประกันโครงสร้าง 10 ปี
การสร้างโกดังสำเร็จรูป (Prefab Warehouse) เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับธุรกิจยุคใหม่ ด้วยความรวดเร็วในการก่อสร้าง ประหยัดงบ และสามารถออกแบบให้ยืดหยุ่นต่อการใช้งานได้ แต่ก่อนตัดสินใจ คุณควรเข้าใจข้อควรรู้ต่อไปนี้เพื่อป้องกันปัญหาหลังการใช้งาน และเลือกผู้รับเหมาที่มีคุณภาพ
การเลือกขนาดโกดังที่เหมาะสมกับประเภทของสินค้าหรือกิจกรรมในโกดังเป็นสิ่งสำคัญ เช่น:
หากเป็นโกดังเก็บของขนาดเล็ก ควรมีพื้นที่ขั้นต่ำ 100-200 ตร.ม.
หากใช้เป็นโกดังโลจิสติกส์ ควรมีความสูงและพื้นที่สำหรับรถโฟล์คลิฟท์หรือรถบรรทุกเข้าออกสะดวก
คำแนะนำ SEO: ค้นหา “โกดังสำเร็จรูปขนาดเล็ก”, “โกดังสำเร็จรูปแบบมีสำนักงาน”
โกดังสำเร็จรูปใช้เวลาก่อสร้างเร็วกว่าระบบปูนทั่วไปมาก โดยทั่วไป:
โกดังขนาดกลางใช้เวลาเพียง 30–60 วัน
ควรสอบถามผู้รับเหมาว่าระยะเวลาเฉพาะโครงการของคุณคือเท่าไร และมีขั้นตอนอะไรบ้าง
การวางแผนระยะเวลาช่วยลดความเสี่ยงต่อความล่าช้าในการเปิดดำเนินงาน
ค่าใช้จ่ายโกดังสำเร็จรูปส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ:
ขนาดอาคาร (พื้นที่ใช้สอย)
ประเภทโครงสร้าง (เหล็กรีดร้อน vs. เหล็กรูปพรรณ)
อุปกรณ์เสริม เช่น พัดลม, ฉนวนกันร้อน, ผนัง PU
ควรขอใบเสนอราคาหลายฉบับ และเปรียบเทียบราคาต่อ ตร.ม.
โกดังบางประเภทต้องขออนุญาตก่อสร้างตามกฎหมาย เช่น:
อาคารขนาดใหญ่กว่า 500 ตร.ม.
โกดังในเขตควบคุมการใช้ที่ดิน (ตามผังเมือง)
ควรมีสถาปนิกหรือวิศวกรช่วยยื่นแบบแปลนขออนุญาตอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงในการโดนปรับภายหลัง
ตำแหน่งของโกดังควรสะดวกต่อการขนส่ง เช่น:
อยู่ใกล้ถนนสายหลักหรือทางด่วน
พื้นที่ภายในควรรองรับรถบรรทุก/เทรลเลอร์เข้า-ออก
ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมซ้ำซาก
คำแนะนำ SEO: ใช้คำค้นเช่น “โกดังสำเร็จรูปใกล้ถนนใหญ่”, “สร้างโกดังโซนกรุงเทพ/ระยอง/ชลบุรี”
โกดังที่ดีต้องมี:
พื้นลาดเอียงให้ระบายน้ำฝนได้เร็ว
ระบบระบายอากาศ เช่น ช่องลม, พัดลมระบายอากาศ, หลังคายกสูง
ในบางกรณีควรมีฉนวนกันร้อน PU Foam หรือ Rockwool
สิ่งเหล่านี้ช่วยลดความร้อนสะสมในโกดัง และถนอมสินค้า
วัสดุหลักของโกดังสำเร็จรูป ได้แก่:
โครงเหล็ก (รีดร้อนหรือรีดเย็น)
ผนังเมทัลชีท / ผนัง Sandwich Panel (กันร้อน)
พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก
เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ และผ่านมาตรฐานวิศวกรรมไทย เช่น มอก.
โกดังควรรองรับสภาพอากาศในพื้นที่ได้ เช่น:
ลมแรงในพื้นที่เปิดโล่ง
ฝนตกชุก หรือแผ่นดินไหว (ควรรับแรงสั่นสะเทือนได้ขั้นต่ำ 6 ริกเตอร์)
Happy Cons มีวิศวกรออกแบบโครงสร้างรองรับแรงลม และเสริมความแข็งแรงตามมาตรฐาน
หากเก็บวัสดุไวไฟ ต้องติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย เช่น:
ถังดับเพลิง
ระบบสปริงเกอร์ (ในกรณีจำเป็น)
เครื่องตรวจจับควัน
นอกจากนี้ควรมีระบบไฟฉุกเฉิน กล้องวงจรปิด และแสงสว่างเพียงพอในโกดัง
แม้โกดังสำเร็จรูปจะทนทาน แต่ควรตรวจเช็กเป็นระยะ เช่น:
ตรวจรั่วซึมหลังคาทุกฤดูฝน
ตรวจสีสนิมโครงสร้างเหล็กทุกปี
ล้างฝุ่นอุตสาหกรรมหรือน้ำขังที่พื้นเป็นประจำ
Happy Cons มีบริการหลังการขายและรับประกันโครงสร้าง 10 ปี พร้อมให้คำแนะนำด้านการบำรุงรักษา
การวางแผนสร้างโกดังสำเร็จรูป ไม่ใช่เพียงแค่เลือกขนาดหรือราคาถูกที่สุด แต่ควรพิจารณารอบด้าน ทั้งเรื่องวัสดุ ระบบภายใน ความปลอดภัย และบริการหลังการขาย เลือกผู้รับเหมาที่เชื่อถือได้ มีประสบการณ์จริง และพร้อมให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ
Happy Cons – รับสร้างโกดังสำเร็จรูปทั่วประเทศ
✔ ออกแบบพร้อมก่อสร้าง
✔ รับประกันโครงสร้าง 10 ปี รั่วซึม 3 ปี
✔ ส่งมอบตรงเวลา ใช้ระบบมาตรฐาน ISO
📱 โทร: 094-871-4156
📲 LINE: @250vmpec
🌐 เว็บไซต์: https://warehousebyhappycons.com
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่องขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน คนมีที่ดินต้องรู้ไว้
การซื้อที่ดินนั้นมีเงินอย่างเดียวไม่พอ จะต้องมีความรู้ด้วยเพื่อจะได้ไม่ถูกใคร เ อ า เ ป รี ย บ ช่ อ โ ก ง กันได้ เพราะที่ดินเองนั้นมีหลายขั้นตอนกว่าจะกลายมาเป็นของเราโดยสมบูรณ์ และวันนี้เรามีความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย การรังวัด โฉนดที่ดิน รวม แบ่งแยก และ สอบเขตที่ดิน รวมไปถึงการตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ด้วย มีอะไรบ้างที่คนมีที่ดินจะต้องรู้
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
หากคุณเป็นเจ้าของที่ดินจะต้องมีความรู้และทราบข้อเหล่านี้
– ที่ดินที่ครอบครองอยู่มีหลักฐานอะไร ให้นำหลักฐานที่มีไปประกอบการยื่นคำขอ รังวัดที่ดิน
– ที่ดินตั้งอยู่ที่ไหน หมู่ที่เท่าใด ตำบล อำเภอ อะไร
– เจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นผู้ใดบ้าง ติดที่สาธารณประโยชน์หรือไม่
– สภาพที่ดินเป็นอย่างไร เช่น ที่นา ที่สวน ที่ไร่ ที่อยู่อาศัย
สำหรับการยื่นคำร้องขอรังวัดที่ดินนั้นเราสามารถไปทำเรื่องได้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือจะเป็นที่สำนักงานทีจังหวัดสาขา หรือในเขตที่ดินอำเภอก็ได้ โดยเอาที่ว่าที่ดินในโฉนดที่เราจะเอาไปยื่นนั้นตั้งอยู่ในเขตไหนก็ไปที่นั่นเลย ยกเว้นว่า ได้มีการยกเลิกอำนาจนายอำเภอค่อยไปติดต่อกับสำนักงานที่ดินจังหวัดก็ได้ ก่อนจะทำจัดการทำเรื่องก็อย่าเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปให้พร้อม
หลักฐานประกอบการขอรังวัด แบ่งแยก หรือสอบเขตโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– บัตรประจำตัว ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล (ถ้ามี)
– โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– หลักฐานประกอบการขอรังวัดรวมโฉนดที่ดิน
– บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
– โฉนดที่ดินที่จะขอรวม ต้องมีลักษณะดังนี้
(1) ต้องเป็นหนังสือสำคัญแสดง ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ประเภทเดียวกัน เว้นแต่ โฉนดแผนที่ กับโฉนดที่ดินให้รวมกันได้
(2) ต้องมีชื่อผู้ถือ ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ที่ดินในโฉนดที่ดินเหมือนกันทุกฉบับและต้องยังมีชีวิตอยู่ทุกคน
(3) ต้องเป็นที่ดินติดต่อผืนเดียวกัน ในจังหวัดและสำนักงานที่ดินเดียวกัน
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ขั้นตอนการรังวัด แบ่งแยก รวม สอบเขตที่ดิน
1. รับบัตรคิวจากประชาสัมพันธ์
2. รับคำขอสอบสวน ชำระเงิน ค่ า ธ ร ร ม เ นี ย ม คำขอ
3. ส่งฝ่ายรังวัดดำเนินการ นัดวันทำการรังวัด กำหนดตัวช่างรังวัด กำหนดเงินมัดจำรังวัด
4. ค้นหารายชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง และพิมพ์หนังสือแจ้งข้างเคียง
5. รับหนังสือแจ้งข้างเคียง วางเงินมัดจำรังวัด รับหลักเขตที่ดิน
6. ช่างรังวัดออกไปทำการรังวัดตามวันที่กำหนดไว้
7. คำนวณเนื้อที่ และเขียนรูปแผนที่ในโฉนดที่ดิน
8. ส่งเรื่องรังวัดคืนฝ่ายทะเบียน เรียกผู้ขอมาจดทะเบียน
9. สอบสวนจดทะเบียนแบ่งแยก
10. ตรวจอายัด
11. ชำระเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และค่าโฉนด
12. แก้รายการทะเบียน และจดทะเบียนแบ่งแยก
13. สร้างโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
14. เสนอเจ้าพนักงานที่ดินลงนามและประทับตรา
15. แจกโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ขั้นตอนการขอแบ่งแยกตรวจสอบเนื้อที่ และรวมหนังสือรับรองการทำประโยชน์
1. เจ้าของที่ดินนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นคำขอ
2. ให้ถ้อยคำในการนัดรังวัด เพื่อกำหนดวันทำการรังวัด
– กำหนดค่าใช้จ่ายในการรังวัด
– กำหนดเจ้าหน้าที่และสถานที่นัดพบ
3. รับเจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดและปักหลัก จนเสร็จการ
4. ลงนามในเอกสารต่าง ๆ
5. รอรับหนังสือแจ้งให้ไปดำเนินการจดทะเบียน ฯลฯ
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรังวัดหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และโฉนดที่ดิน รายละเอียด
1. ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 30 บาท
– ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่) ไร่ละ 2 บาท
2. ค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สอบสวนหรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 30 บาท
– ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 30 บาท
– ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
– ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
– ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
3. ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน
– ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 50 บาท
– ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่ ) ไร่ละ 2 บาท
4. ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
– ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 40 บาท
– ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 40 บาท
– ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
– ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
– ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
5. ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด
– ค่าคำขอ แปลงละ 5 บาท
– ค่ามอบอำนาจ เรื่องละ 20 บาท
– ค่าปิดประกาศให้แก่ผู้ปิดประกาศ แปลงละ 10 บาท
– ค่าพยานให้แก่พยาน คนละ 10 บาท
– ค่าหลักเขต หลักละ 15 บาท
6. ค่าใช้จ่ายการรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินหรือพิสูจน์สอบสวน หรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ค่าพาหนะเดินทางให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และคนงานจ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
– กระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
– ค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และค่าจ้างคนงานที่จ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
– กระทรวงมหาดไทย ด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
– ค่าป่ายการให้แก่เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ หรือผู้แทนที่ไปในการรังวัด ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
– ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการรังวัดให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เรื่องละ 100 บาท
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
การคิดค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดินที่ผู้ขอจะต้อชำระตามกฎหมาย (กฎกระทรวง ฉบับที่ 47 และ 48 ออกตามความในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497) มีดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมรังวัด
– เกี่ยวกับโฉนดที่ดิน แปลง/วัน/ละ 40 บาท
– เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แปลง/วัน/ละ 30 บาท
2. ค่าหลักเขตที่ดิน หลักละ 15 บาท (ตามที่ใช้จริง)
3. ค่าใช้จ่ายในการรังวัดลักษณะเหมาจ่าย ดังนี้
3.1 ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าส่งหมายข้างเคียงทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ 200 บาท
3.2 ค่าป่วยการเจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
3.3 ค่าพาหนะพนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานรังวัด วันละไม่เกิน 1,600 บาท
3.4 ค่าคนงานรังวัด คน/วัน 420 บาท (ตามเขตจังหวัดที่กระทรวงการคลังกำหนด)
ทั้งนี้ การกำหนดวันทำการรังวัดตามข้อ 3.3 และ 3.4 กำหนดตามจำนวนเนื้อที่ ดังนี้
การรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
1. เนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่ 3,480 บาท
2. เนื้อที่ไม่เกิน 15 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 6,760 บาท
3. เนื้อที่ไม่เกิน 30 ไร่ เวลาทำการ 3 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 10,040 บาท
4. เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 4 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 13,320 บาท
การรังวัดเกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– เนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 2,640 บาท
– เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 5,080 บาท
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
หมายเหตุ
– กรณีเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ ทุก 50 ไร่ หรือเศษเกินกว่า 25 ไร่ ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่องค์กรปกครองรูปแบบพิเศษ เช่น กรุงเทพมหานคร/เมืองพัทยา ฯลฯ หรือเทศบาลนคร หรือเทศบาลเมือง หรือที่สวนเป็นไม้ ยืนต้น เช่น สวนผลไม้ สวนปาล์ม สวนยาง ฯลฯ เป็นต้น ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีการรังวัดต้องคำนวณจำกัดเนื้อที่ ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
- กรณีการรังวัดมีที่ดินข้างเคียงมากแปลง ทุกๆข้างเคียง 30 แปลง หรือเศษเกินกว่า 15 แปลง ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีการรังวัดแบ่งแยกจัดสรร ทุกๆ 8 แปลง หรือเศษเกินกว่า 4 แปลง ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีมีเหตุข้อ1 และ 2 รวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน ให้เพิ่มวันทำการรังวัดได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งเท่านั้น
จะเห็นว่ามีอะไรค่อนข้างจุกจิกและดูยุ่งยากมากทีเดียว แต่ก็ไม่ยากอะไรสำหรับคนที่เคยทำมาบ้างแล้วจะทำง่ายขึ้น คล่องในการเตรียมตัวเตรียมเอกสาร และที่สำคัญคือเตรียมค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในแต่ละขั้นตอนด้วย หากคุณไม่รู้เรื่องอะไรเหล่านี้เลยที่ดินที่คุณมีอาจจะค่อย ๆ กลายเป็นของคนอื่นแบบที่คุณไม่รู้สึกตัวเลยก็ได้ ฉะนั้นก็มีความรู้ติดตัวเอาไว้บ้างจะดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมที่ดิน , sharenoi
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่องหน้าที่เข้าชม | 66,850 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 44,155 ครั้ง |
เปิดร้าน | 9 มิ.ย. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |