กระเบื้องยางลายไม้ เป็นวัสดุสำหรับการปูพื้นชนิดหนึ่งซึ่งทำมาจากยางชนิดโพลีเมอร์และมีลายไม้ โดยถูกจัดอยู่ในกลุ่มของกระเบื้องยางนั่นเอง โดยกระเบื้องยางมีลักษณะดังนี้
กระเบื้องยาง นั้น ถูกผลิตขึ้นมาจากโพลิเมอร์ชนิดหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการปูพื้นโดยเฉพาะ ลักษณะที่โดดเด่นของกระเบื้องยางที่ทำจากโพลีเมอร์คือ มีความยืดหยุ่นพอสมควร และมีแรงหนืดในระหว่างที่สัมผัสกับกระเบื้องยางค่อนข้างสูง ทำให้สามารถลดโอกาสในการลื่นล้มหรือสะดุดล้มได้เป็นอย่างดี สามารถรองรับแรงกระแทกหรือน้ำหนักมากๆได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้กระเบื้องยางเพราะทำมาจากโพลีเมอร์ กระเบื้องยางลายไม้จึงสามารถทำความสะอาดได้ง่ายสุดเพียงแค่นำผ้ามาเช็ด แต่ไม่แนะนำให้รอจนเกิดเป็นคราบฝังแน่นด้วย
ในปัจจุบันคนไทยนิยมหันมาสร้างบ้านและตกแต่งบ้านตามสไตล์ยุโรปกันมากขึ้น ดังนั้นบ้านในสมัยนี้ จึงมีความแตกต่างออกไปจากบ้านไทยในสมัยโบราณอยู่มากทีเดียว โดยเฉพาะพื้นบ้านที่เดี๋ยวนี้การใช้วัสดุสังเคราะห์กันมากขึ้นแทนที่จะเป็น พื้นไม้และพื้นซีเมนต์อย่างเมื่อก่อน หรือที่ยังพอพบการใช้งานได้บ้างอย่างพื้นกระเบื้อง โดยวัสดุที่นิยมมาใช้ปูพื้นบ้านในปัจจุบันมีอยู่หลากหลายชนิด เช่น ไม้ปาร์เก้ ไม้ลามิเนต กระเบื้องเซรามิค กระเบื้องยาง พรม หินอ่อนหรือหินแกรนิต หินขัด และพื้นเคลือบ epoxy ซึ่งกระเบื้องเหล่านี้ก็จะมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
ถ้าหากกล่าวว่าพื้นแบบใดที่เราพบเห็นได้ง่ายหรือมีการใช้กันทั่วไป นั่นก็คือ พื้นประเภทลายไม้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ห้องดูดีมีราคาแล้ว ยังทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นด้วย แต่การจะใช้ไม้จริงๆมาทำเป็นพื้นทั้งบ้านนั้น แน่นอนว่าเจ้าของบ้านจะต้องมีทุนทรัพย์ที่ค่อนข้างหนาทีเดียว นอกจากนี้เรื่องของการดูแลรักษาไม้ก็ตามติดๆเลย ดังนั้นจึงมีการใช้วัสดุทดแทนอย่างไม้ปาร์เก้ ไม้ลามิเนต และ กระเบื้องยางลายไม้ แทนนั่นเอง
ซึ่งไม้ปาร์เก้ ไม้ลามิเนต และกระเบื้องยางลายไม้นั่นจะมีการใช้งานที่แตกต่างดันออกไปตามคุณสมบัติของวัสดุเอง อย่างไม้ปาร์เก้และไม้ลามิเนตจะนิยมนำมาใช้ในบ้านมากกว่า ส่วนกระเบื้องยางลายไม้นั้นได้รับความนิยมในสถานที่ที่มีคนพลุ่กพล่านมากกว่า เนื่องจากมีราคาถูกที่สุดและมีสัมผัสที่นิ่มนวลมากที่สุดในวัสดุทั้ง 3 ชิ้น สามารถทำการติดตั้งและเปลี่ยนหรือซ่อมแซมได้เร็วที่สุด
เราจึงมักจะพบการใช้งานกระเบื้องยางลายไม้ได้บ่อยตามสำนักงานต่างๆที่ต้องการประหยัดงบแต่ก็อยากจะดูภูมิฐานในคราวเดียวกัน และเนื่องจากการใช้ในงานวัสดุปูพื้นในสถานที่ที่ได้กล่าวมานั้น วัสดุมีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพเร็วมาก ดังนั้นการเลือกใช้กระเบื้องยางลายไม้ที่มีราคาถูกและสามารถเปลี่ยนหรือซ่อมแซมได้ง่ายจึงได้รับความนิยมมาก ในขณะที่ไม้ปาร์เก้และไม้ลามิเนตที่อายุการใช้งานที่ยาวกว่าจึงนิยมนำไปใช้ในสถานที่พักอาศัยมากกว่านั่นเอง
ในปัจจุบันกระเบื้องยางลายไม้ได้รับความนิยมในการนำมาปูพื้นบ้านมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้บ้านดูสวยและน่าอยู่ไม่แพ้การปูพื้นบ้านด้วยไม้ลามิเนตหรือไม้อื่นๆ เลยล่ะ นอกจากนี้กระเบื้องยางลายไม้ยังมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการปูพื้นบ้านอีกมากมาย ดังนี้
• เก็บเสียงได้ดี
พื้นไม้โดยปกติแล้วเมื่อปูพื้นไปได้ระยะหนึ่งก็จะเริ่มมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเมื่อเดินเหยียบย่ำลงไปบนพื้นไม้ แต่สำหรับกระเบื้องยางลายไม้ กลับสามารถเก็บเสียงได้ดีกว่าและมักจะมีเสียงที่นุ่มนวลกว่าอีกด้วย จึงเหมาะที่จะนำมาปูพื้นบ้านมากทีเดียว โดยเฉพาะบ้านสองชั้น เพราะไม่ทำให้บ้านมีเสียงพื้นดังจนน่ารำคาญนั่นเอง
• ทนต่อรอยขีดข่วน
หลายๆ คนมักจะหนักใจกับพื้นไม้ที่เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย แต่หากคุณเลือกใช้กระเบื้องยางลายไม้ล่ะก็ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปแน่นอน เพราะกระเบื้องยางลายไม้มีคุณสมบัติทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี อีกทั้งยังมีผิวหน้าที่เรียบสวยและสบายเท้าเมื่อเหยียบย่างลงไปอีกด้วย
• ลายไม้สวยคมชัด ดูเหมือนจริง
กระเบื้องยางลายไม้มีลวดลายที่ดูสวยคมชัด และเหมือนไม้จริงมากทีเดียว จนบางครั้งแทบจะดูไม่ออกเลยว่าเป็นไม้จริงหรือกระเบื้องยางกันแน่ แถมยังมีราคาถูกกว่าอีกด้วยนะคะ
• ไม่แตกหักได้ง่าย
เนื่องจากกระเบื้องยางลายไม้มีความยืดหยุ่นสูง จึงไม่ทำให้แตกหักง่าย ซึ่งก็จะมีความทนทานและสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานเลยล่ะ หรือหากมีส่วนไหนที่ต้องซ่อมแซมก็สามารถซ่อมแซมได้ง่ายและไม่ทำให้พื้นดูมีตำหนิเหมือนพื้นไม้อื่นๆ อีกด้วย
ด้วยเหตุที่กระเบื้องยางลายไม้มีคุณสมบัติที่ทนทานและเก็บเสียงได้ดีกว่าพื้นไม้ชนิดอื่นๆ จึงทำให้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้คนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีลายที่คมชัดเหมือนไม้จริง จึงสามารถนำมาใช้แทนไม้จริงได้เลยล่ะ นอกจากนี้กระเบื้องยางลายไม้ยังมีราคาถูกกว่าไม้ปูพื้นอื่นๆ ซึ่งก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว แถมยังได้บ้านที่สวยงามเหมือนไม้จริงด้วยนะคะ
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเลือกปูพื้นบ้านกันด้วยกระเบื้องยางลายไม้ใช่ไหมล่ะคะ เพราะมีความสวยงาม ราคาถูกและมีความทนทานสูง แถมทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย แต่ก่อนที่คุณจะปูพื้นด้วยกระเบื้องยางลายไม้ เรามาดูข้อควรรู้ของกระเบื้องยางกันก่อนค่ะ เพื่อที่จะได้นำไปใช้งานได้อย่างถูกต้องและยืดอายุการใช้งานได้อย่างยาวนานนั่นเอง
• ปูทับกระเบื้องเดิมได้เลย
หากบ้านของคุณเคยปูพื้นด้วยกระเบื้องอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเวลารื้อถอนออกเลยค่ะ เพราะกระเบื้องยางลายไม้สามารถนำมาปูทับพื้นเดิมได้เลย แต่จะต้องใช้ปูนปาดเพื่อปิดร่องยาแนวก่อนนะคะ หรือหากเป็นพื้นเดิมแบบอื่นๆ เช่นพื้นปูน พื้นไม้ปาร์เก้ ก็สามารถปูทับได้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องเป็นพื้นเรียบเท่านั้น
• นำไปติดผนังหรือเพดานได้ด้วย
กระเบื้องยางลายไม้ไม่ได้มีไว้แค่ปูพื้นเท่านั้นนะคะ แต่ยังสามารถนำไปติดผนังบ้านหรือเพดานได้อีกด้วย ซึ่งก็จะทำให้บ้านดูสวยน่าอยู่มากเลยล่ะ ส่วนการติดตั้งนั้นก็ไม่ยากเพียงแค่ใช้กาวยางที่มีความเหนียวสามารถยึดเกาะได้ดี ก็จะทำให้กระเบื้องยางลายไม้ได้ไปเกาะติดอยู่ตรงผนังบ้านหรือเพดานได้ย่างสวยงามแล้วล่ะ
• มีอายุการใช้งาน 10-15 ปี
เรื่องของอายุการใช้งานต้องยกนิ้วให้กระเบื้องยางลายไม้เลยค่ะ เพราะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 10-15 ปีเลยล่ะ แต่ก็ต้องดูที่ความหนาของชั้นเคลือบด้วยนะคะ เพราะยิ่งชั้นเคลือบหนาเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีอายุการใช้งานมากเท่านั้น แต่ก็อาจจะมีราคาแพงขึ้นตามความหนาของชั้นเคลือบเช่นกัน
• ติดตั้งเองได้สบาย
สำหรับคนที่ไม่อยากสิ้นเปลืองเงินค่าจ้างในการติดตั้ง ก็สามารถติดตั้งเองได้สบายๆ เลยล่ะ แต่ก็ต้องดูด้วยนะคะ ว่าจะต้องเตรียมพื้นผิวหรือทำอะไรเพิ่มเติมด้วยไหม ซึ่งหากมีขั้นตอนที่ยุ่งยากเกินไป ก็ควรจ้างผู้ชำนาญมาติดตั้งดีกว่า
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับข้อควรรู้ของกระเบื้องยางลายไม้ หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยใช่ไหมล่ะคะ ทีนี้เรามาปูพื้นบ้านกันด้วยกระเบื้องยางลายไม้กันดีกว่าค่ะ
แน่นอนว่าไม่ว่าอะไรก็จะต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป ซึ่งกระเบื้องยางลายไม้ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะนิยมนำกระเบื้องยางลายไม้มาใช้ในการปูพื้นบ้านเพราะมีคุณภาพดีและมีความคงทนมากกว่า แต่กระเบื้องยางลายไม้ก็มีข้อเสียเหมือนกัน ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปดูข้อดีข้อเสียของกระเบื้องยางลายไม้กันค่ะ
ข้อดี
ข้อเสีย
เห็นไหมว่ากระเบื้องยางลายไม้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนเลือกซื้อกระเบื้องยางลายไม้ควรตรวจสอบคุณภาพของกระเบื้องให้ดีและควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลังค่ะ ส่วนขั้นตอนการติดตั้ง ก็ควรมีความพิถีพิถันสักนิด และทำตามขั้นตอนครบทุกขั้นตอน แค่นี้คุณก็จะได้บ้านที่ปูด้วยกระเบื้องยางลายไม้ที่ดูสวยงามที่สุดแล้วล่ะ
โดยทั่วไปแล้วกระเบื้องยางหรือกระเบื้องยางลายไม้นั้น จะถูกนำมาใช้ในพื้นที่หรือบริเวณที่การสัญจรของคนไปมาอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคารต่างๆ ที่ทำงาน บ้าน โรงพยาบาล หรือสถานที่อื่นๆที่มีคนเข้าออกมากมายในแต่ละวัน รวมไปถึงพวกร้านอาหารด้วย เพราะคุณสมบัติในเรื่องของความทนทานและการเกิดรอยขีดข่วนยากนั่นเอง นอกจากนี้ด้วยคุณสมบัติที่ลดโอกาสในการลื่นล้มได้จึงถูกนำมาใช้ในห้องน้ำได้ด้วยเช่นกัน
จุดเด่นของกระเบื้องยางลายไม้ ที่ลืมไม่ได้เลยนั่นก็คือ การซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกระเบื้องยางลายไม้ ที่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองไม่ต้องรอช่างมาทำให้ และกระเบื้องยางยังมีราคาที่ถูกมากอีกด้วย เมื่อเทียบกับข้อดีของกระเบื้องยางลายไม้ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นคนใช้กระเบื้องยางลายไม้กันมากกว่านั่นเอง และอย่าลืมข้อเสียที่สำคัญของกระเบื้องยางลายไม้นั่นก็คือกระเบื้องยางแบบนี้จะต้องติดตั้งบนพื้นที่เรียบเสมอกันเท่านั้น
โดยปกติแล้วราคาของกระเบื้องยางและกระเบื้องยางลายไม้ มักจะมีราคาถูกกว่ากระเบื้องแบบอื่นๆอยู่ 2-3 เท่า ซึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 150 – 700 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งถือว่ามีช่วงราคาที่กว้างมากขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าเท่านั้นเอง
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่องขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน คนมีที่ดินต้องรู้ไว้
การซื้อที่ดินนั้นมีเงินอย่างเดียวไม่พอ จะต้องมีความรู้ด้วยเพื่อจะได้ไม่ถูกใคร เ อ า เ ป รี ย บ ช่ อ โ ก ง กันได้ เพราะที่ดินเองนั้นมีหลายขั้นตอนกว่าจะกลายมาเป็นของเราโดยสมบูรณ์ และวันนี้เรามีความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย การรังวัด โฉนดที่ดิน รวม แบ่งแยก และ สอบเขตที่ดิน รวมไปถึงการตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ด้วย มีอะไรบ้างที่คนมีที่ดินจะต้องรู้
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
หากคุณเป็นเจ้าของที่ดินจะต้องมีความรู้และทราบข้อเหล่านี้
– ที่ดินที่ครอบครองอยู่มีหลักฐานอะไร ให้นำหลักฐานที่มีไปประกอบการยื่นคำขอ รังวัดที่ดิน
– ที่ดินตั้งอยู่ที่ไหน หมู่ที่เท่าใด ตำบล อำเภอ อะไร
– เจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นผู้ใดบ้าง ติดที่สาธารณประโยชน์หรือไม่
– สภาพที่ดินเป็นอย่างไร เช่น ที่นา ที่สวน ที่ไร่ ที่อยู่อาศัย
สำหรับการยื่นคำร้องขอรังวัดที่ดินนั้นเราสามารถไปทำเรื่องได้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือจะเป็นที่สำนักงานทีจังหวัดสาขา หรือในเขตที่ดินอำเภอก็ได้ โดยเอาที่ว่าที่ดินในโฉนดที่เราจะเอาไปยื่นนั้นตั้งอยู่ในเขตไหนก็ไปที่นั่นเลย ยกเว้นว่า ได้มีการยกเลิกอำนาจนายอำเภอค่อยไปติดต่อกับสำนักงานที่ดินจังหวัดก็ได้ ก่อนจะทำจัดการทำเรื่องก็อย่าเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปให้พร้อม
หลักฐานประกอบการขอรังวัด แบ่งแยก หรือสอบเขตโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– บัตรประจำตัว ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล (ถ้ามี)
– โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– หลักฐานประกอบการขอรังวัดรวมโฉนดที่ดิน
– บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
– โฉนดที่ดินที่จะขอรวม ต้องมีลักษณะดังนี้
(1) ต้องเป็นหนังสือสำคัญแสดง ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ประเภทเดียวกัน เว้นแต่ โฉนดแผนที่ กับโฉนดที่ดินให้รวมกันได้
(2) ต้องมีชื่อผู้ถือ ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ที่ดินในโฉนดที่ดินเหมือนกันทุกฉบับและต้องยังมีชีวิตอยู่ทุกคน
(3) ต้องเป็นที่ดินติดต่อผืนเดียวกัน ในจังหวัดและสำนักงานที่ดินเดียวกัน
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ขั้นตอนการรังวัด แบ่งแยก รวม สอบเขตที่ดิน
1. รับบัตรคิวจากประชาสัมพันธ์
2. รับคำขอสอบสวน ชำระเงิน ค่ า ธ ร ร ม เ นี ย ม คำขอ
3. ส่งฝ่ายรังวัดดำเนินการ นัดวันทำการรังวัด กำหนดตัวช่างรังวัด กำหนดเงินมัดจำรังวัด
4. ค้นหารายชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง และพิมพ์หนังสือแจ้งข้างเคียง
5. รับหนังสือแจ้งข้างเคียง วางเงินมัดจำรังวัด รับหลักเขตที่ดิน
6. ช่างรังวัดออกไปทำการรังวัดตามวันที่กำหนดไว้
7. คำนวณเนื้อที่ และเขียนรูปแผนที่ในโฉนดที่ดิน
8. ส่งเรื่องรังวัดคืนฝ่ายทะเบียน เรียกผู้ขอมาจดทะเบียน
9. สอบสวนจดทะเบียนแบ่งแยก
10. ตรวจอายัด
11. ชำระเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และค่าโฉนด
12. แก้รายการทะเบียน และจดทะเบียนแบ่งแยก
13. สร้างโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
14. เสนอเจ้าพนักงานที่ดินลงนามและประทับตรา
15. แจกโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ขั้นตอนการขอแบ่งแยกตรวจสอบเนื้อที่ และรวมหนังสือรับรองการทำประโยชน์
1. เจ้าของที่ดินนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นคำขอ
2. ให้ถ้อยคำในการนัดรังวัด เพื่อกำหนดวันทำการรังวัด
– กำหนดค่าใช้จ่ายในการรังวัด
– กำหนดเจ้าหน้าที่และสถานที่นัดพบ
3. รับเจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดและปักหลัก จนเสร็จการ
4. ลงนามในเอกสารต่าง ๆ
5. รอรับหนังสือแจ้งให้ไปดำเนินการจดทะเบียน ฯลฯ
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรังวัดหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และโฉนดที่ดิน รายละเอียด
1. ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 30 บาท
– ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่) ไร่ละ 2 บาท
2. ค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สอบสวนหรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 30 บาท
– ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 30 บาท
– ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
– ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
– ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
3. ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน
– ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 50 บาท
– ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่ ) ไร่ละ 2 บาท
4. ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
– ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 40 บาท
– ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 40 บาท
– ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
– ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
– ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
5. ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด
– ค่าคำขอ แปลงละ 5 บาท
– ค่ามอบอำนาจ เรื่องละ 20 บาท
– ค่าปิดประกาศให้แก่ผู้ปิดประกาศ แปลงละ 10 บาท
– ค่าพยานให้แก่พยาน คนละ 10 บาท
– ค่าหลักเขต หลักละ 15 บาท
6. ค่าใช้จ่ายการรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินหรือพิสูจน์สอบสวน หรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ค่าพาหนะเดินทางให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และคนงานจ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
– กระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
– ค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และค่าจ้างคนงานที่จ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
– กระทรวงมหาดไทย ด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
– ค่าป่ายการให้แก่เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ หรือผู้แทนที่ไปในการรังวัด ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
– ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการรังวัดให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เรื่องละ 100 บาท
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
การคิดค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดินที่ผู้ขอจะต้อชำระตามกฎหมาย (กฎกระทรวง ฉบับที่ 47 และ 48 ออกตามความในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497) มีดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมรังวัด
– เกี่ยวกับโฉนดที่ดิน แปลง/วัน/ละ 40 บาท
– เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แปลง/วัน/ละ 30 บาท
2. ค่าหลักเขตที่ดิน หลักละ 15 บาท (ตามที่ใช้จริง)
3. ค่าใช้จ่ายในการรังวัดลักษณะเหมาจ่าย ดังนี้
3.1 ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าส่งหมายข้างเคียงทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ 200 บาท
3.2 ค่าป่วยการเจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
3.3 ค่าพาหนะพนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานรังวัด วันละไม่เกิน 1,600 บาท
3.4 ค่าคนงานรังวัด คน/วัน 420 บาท (ตามเขตจังหวัดที่กระทรวงการคลังกำหนด)
ทั้งนี้ การกำหนดวันทำการรังวัดตามข้อ 3.3 และ 3.4 กำหนดตามจำนวนเนื้อที่ ดังนี้
การรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
1. เนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่ 3,480 บาท
2. เนื้อที่ไม่เกิน 15 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 6,760 บาท
3. เนื้อที่ไม่เกิน 30 ไร่ เวลาทำการ 3 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 10,040 บาท
4. เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 4 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 13,320 บาท
การรังวัดเกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– เนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 2,640 บาท
– เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 5,080 บาท
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
หมายเหตุ
– กรณีเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ ทุก 50 ไร่ หรือเศษเกินกว่า 25 ไร่ ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่องค์กรปกครองรูปแบบพิเศษ เช่น กรุงเทพมหานคร/เมืองพัทยา ฯลฯ หรือเทศบาลนคร หรือเทศบาลเมือง หรือที่สวนเป็นไม้ ยืนต้น เช่น สวนผลไม้ สวนปาล์ม สวนยาง ฯลฯ เป็นต้น ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีการรังวัดต้องคำนวณจำกัดเนื้อที่ ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
- กรณีการรังวัดมีที่ดินข้างเคียงมากแปลง ทุกๆข้างเคียง 30 แปลง หรือเศษเกินกว่า 15 แปลง ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีการรังวัดแบ่งแยกจัดสรร ทุกๆ 8 แปลง หรือเศษเกินกว่า 4 แปลง ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีมีเหตุข้อ1 และ 2 รวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน ให้เพิ่มวันทำการรังวัดได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งเท่านั้น
จะเห็นว่ามีอะไรค่อนข้างจุกจิกและดูยุ่งยากมากทีเดียว แต่ก็ไม่ยากอะไรสำหรับคนที่เคยทำมาบ้างแล้วจะทำง่ายขึ้น คล่องในการเตรียมตัวเตรียมเอกสาร และที่สำคัญคือเตรียมค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในแต่ละขั้นตอนด้วย หากคุณไม่รู้เรื่องอะไรเหล่านี้เลยที่ดินที่คุณมีอาจจะค่อย ๆ กลายเป็นของคนอื่นแบบที่คุณไม่รู้สึกตัวเลยก็ได้ ฉะนั้นก็มีความรู้ติดตัวเอาไว้บ้างจะดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมที่ดิน , sharenoi
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่องหน้าที่เข้าชม | 66,884 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 44,189 ครั้ง |
เปิดร้าน | 9 มิ.ย. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |