เมทัลชีท คืออะไร?มาทำความรู้จักกัน
เมทัลชีท เป็นวัสดุแผ่นโลหะบาง ๆ ได้รับความนิยมในการใช้งานจากทั่วโลกมานานนับร้อยปี โดยเฉพาะในกลุ่มงานอุตสาหกรรม โรงงาน หรืออาคารสำเร็จรูปที่ต้องการความรวดเร็วในงานก่อสร้าง ต่างนิยมนำประโยชน์ของเมทัลชีทมาใช้ห่อหุ้ม ทั้งส่วนหลังคาและผนังอาคาร ส่วนการนำเมทัลชีทมาใช้ในประเทศไทย ระยะแรกเน้นเฉพาะงานอุตสาหกรรมเช่นกันครับ และต่อมาเมทัลชีทได้รับความนิยมสูงมาจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นคู่แข่งสำคัญของวัสดุหลังคากระเบื้องก็ว่าได้
*ก่อนจะไปรู้จักคุณสมบัติและข้อดีของเมทัลชีท จะต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า ทุกวัสดุในการก่อสน้าง ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่างแตกกัน ขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งาน การออกแบบ สำหรับอาคารหรือที่พักอาศัย แต่ไม่ได้หมายถึงว่า กระเบื้องมุงหลังคาจะไม่มีข้อดี เราเพียงหยิบยกข้อดีของเมทัลชีท สำหรับผู้ที่สนใจจะใช้งาน*
8 คุณสมบัติเด่น ที่หาได้เฉพาะหลังคาเมทัลชีท
1. หลังคาเมทัลชีท ยาวต่อเนื่องตลอดทั้งผืน
วัสดุหลังคากระเบื้องที่เราคุ้นเคยกัน โดยปกติจะออกแบบในลักษณะแผ่นเล็กๆ วางซ้อนทับกันตลอดทั้งผืนหลังคา ตรงจุดนี้ทำให้เกิดข้อบกพร่องในงานก่อสร้างที่อาจเกิดรอยต่อรั่วซึมภายหลังได้ และทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำงานบางอย่าง แต่สำหรับเมทัลชีทซึ่งเป็นแผ่นเหล็กรีดลอน สามารถผลิตให้มีความกว้างยาวได้ จึงสามารถลดปัญหาจุดรอยต่อ จุดรั่วซึมไปได้มากครับ
2. เมทัลชีทคายความร้อนได้ดีกว่า
หากเปรียบเทียบคุณสมบัติป้องกันความร้อน แน่นอนว่าหลังคากระเบื้องซึ่งผลิตจากคอนกรีต สามารถกันความร้อนได้ดีกว่าวัสดุประเภทโลหะ ที่มีคุณสมบัตินำความร้อน แต่หากเปรียบเทียบในด้าน “คายความร้อน” วัสดุเมทัลชีทจะสามารถคายความร้อนได้ดีกว่ากระเบื้องครับ นั่นหมายถึงหลังจากพระอาทิตย์ตกดินลงไปแล้ว ความร้อนที่กำลังสะสมภายในบ้านจะถูกคายออกอย่างรวดเร็ว แต่หลังคากระเบื้องคอนกรีต มีคุณสมบัติอมความร้อน ภายในบ้านจึงเย็นช้ากว่าเมทัลชีทครับ
3. ชายคาเมทัลชีท ออกแบบให้ยื่นยาวได้
การออกแบบหลังคารูปทรงไทย เช่น ปั้นหยา จั่ว โดยปกติจะออกแบบให้มีชายคายาวออกไปประมาณ 1 เมตร เหตุผลของการออกแบบ 1 เมตร นอกจากด้านดีไซน์แล้ว ยังเกี่ยวข้องกับด้านโครงสร้างหลังคา เพราะหากยาวเกินกว่านั้นโครงสร้างหลังคาจะไม่สามารถรับน้ำหนักได้ จำเป็นต้องออกแบบโครงสร้างเพิ่มเติมเพื่อมารองรับน้ำหนักหลังคาที่ยื่นยาวออกไป แต่หากเป็นวัสดุเมทัลชีทซึ่งมีน้ำหนักเบา ทำให้การออกแบบหลังคา ข้ามขีดจำกัดเหล่านี้ไปได้ครับ
4. หลังคาเมทัลชีท รองรับองศาต่ำ
นอกจากชายคาแล้ว จุดที่เมทัลชีททำคะแนนได้ดีมากนั่นคือ สามารถออกแบบรูปทรงหลังคาต่ำได้ โดยปกติการใช้หลังคากระเบื้องจะออกแบบองศาความชันของหลังคาซีแพ็คประมาณ 25-40 องศา หรือหากเป็นหลังคาลอนคู่ สามารถออกแบบได้ต่ำลงมาอีกนิด โดยรองรับความชัน 15 องศา แต่นั่นก็ไม่สามารถเทียบกับหลังคาเมทัลชีทได้เลย เพราะสามารถรองรับความชันเพียง 4-5 องศาสำหรับรุ่นธรรมดา และต่ำสุด 2 องศาสำหรับรุ่นที่ออกแบบมาพิเศษ
เหตุผลที่หลังคากระเบื้องไม่สามารถรองรับองศาต่ำได้ เนื่องด้วยกระบวนการติดตั้งที่จำเป็นต้องซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ หากองศาต่ำมากเกินไป กรณีที่ฝนสาดลมแรงจะส่งผลให้น้ำไหลย้อนกลับเป็นเหตุให้น้ำรั่วซึมเข้าบ้าน ส่วนหลังคาเมทัลชีทเป็นแผ่นเดียวกันทั้งผืน จึงไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ครับ
และด้วยข้อดีในการรองรับองศาต่ำ สถาปนิกหลายท่าน จึงประยุกต์การใช้งานเมทัลชีทร่วมกับบ้านสไตล์ Modern โดยสามารถซ่อนหลังคาเมทัลชีทไว้ภายใน ซึ่งหากดูจากตัวบ้านภายนอกจะเสมือนว่าเป็นบ้านหลังคาแบน (Slab) แต่แท้จริงแล้วเป็นหลังคาเมทัลชีท อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณและลดปัญหารั่วซึมได้ดีกว่าครับ
5. โครงสร้างหลังคาเมทัลชีท เบากว่า ต้นทุนจึงต่ำกว่า
ข้อนี้อาจเรียกได้ว่า หลังคาเมทัลชีทชนะหลังคากระเบื้องแบบอย่างทิ้งห่าง ด้วยน้ำหนักของกระเบื้องที่ผลิตจากคอนกรีต ทำให้โครงสร้างหลังคาและโครงสร้างอาคารต้องแบกรับน้ำหนักมาก แต่หากเป็นหลังคาเมทัลชีท การออกแบบวิศวกรรมโครงสร้าง จะช่วยลดภาระการแบกรับน้ำหนัก นั่นหมายถึงงบประมาณในงานก่อสร้างถูกกว่าหลังคากระเบื้องด้วยครับ
6. หลังคาเมทัลชีท จบงานไว ประหยัดเวลาก่อสร้าง
ลองจินตนาการถึงงานปูกระเบื้องหลังคา แผ่นหลังคากระเบื้องมีขนาดเล็ก ช่างจะค่อย ๆ เรียงแผ่นกระเบื้องทีละแผ่นซ้อนทับกันกระทั่งจบงาน งานลักษณะนี้ต้องอาศัยความปราณีต ชำนาญ มิเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหารั่วซึมภายหลังได้ แต่หากเป็นหลังคาเมทัลชีทซึ่งมีขนาดใหญ่ เป็นแผ่นเดียวกันตลอดทั้งผืน เพียงแค่วางและติดตั้ง ใช้เวลาก่อสร้างไม่นานเลยครับ
7. หลังคาเมทัลชีท โค้งได้ตามใจชอบ
ด้วยกระบวนการผลิตเมทัลชีทซึ่งเป็นแผ่นเหล็กรีดลอน จึงสามารถรองรับกับการบิดงอได้ แตกต่างจากงานกระเบื้องคอนกรีต ที่ไม่สามารถดัดโค้งได้ คุณสมบัติข้อนี้ ทำให้เกิดวิวัฒนาการด้านดีไซน์ ก่อกำเนินงานสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ ๆ มากมาย
8. เมทัลชีทไม่ได้เป็นแค่หลังคา แต่กรุผนังได้ด้วย
ทิ้งท้ายด้วยอีกหนึ่งข้อดีของวัสดุเมทัลชีท ที่ปัจจุบันเริ่มนำมาใช้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้อ่านท่านใดที่ต้องการปรับโฉมผนังบ้านให้เท่ เพียงแค่ติดตั้งเมทัลชีทเข้ากับผนังบ้านของเรา ความสวยงามก็เกิดขึ้นได้โดยทันทีแล้วครับ
ขอบคุณความรู้ดีๆจาก : www.banidea.com
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่องขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน คนมีที่ดินต้องรู้ไว้
การซื้อที่ดินนั้นมีเงินอย่างเดียวไม่พอ จะต้องมีความรู้ด้วยเพื่อจะได้ไม่ถูกใคร เ อ า เ ป รี ย บ ช่ อ โ ก ง กันได้ เพราะที่ดินเองนั้นมีหลายขั้นตอนกว่าจะกลายมาเป็นของเราโดยสมบูรณ์ และวันนี้เรามีความรู้ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย การรังวัด โฉนดที่ดิน รวม แบ่งแยก และ สอบเขตที่ดิน รวมไปถึงการตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ด้วย มีอะไรบ้างที่คนมีที่ดินจะต้องรู้
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
หากคุณเป็นเจ้าของที่ดินจะต้องมีความรู้และทราบข้อเหล่านี้
– ที่ดินที่ครอบครองอยู่มีหลักฐานอะไร ให้นำหลักฐานที่มีไปประกอบการยื่นคำขอ รังวัดที่ดิน
– ที่ดินตั้งอยู่ที่ไหน หมู่ที่เท่าใด ตำบล อำเภอ อะไร
– เจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นผู้ใดบ้าง ติดที่สาธารณประโยชน์หรือไม่
– สภาพที่ดินเป็นอย่างไร เช่น ที่นา ที่สวน ที่ไร่ ที่อยู่อาศัย
สำหรับการยื่นคำร้องขอรังวัดที่ดินนั้นเราสามารถไปทำเรื่องได้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือจะเป็นที่สำนักงานทีจังหวัดสาขา หรือในเขตที่ดินอำเภอก็ได้ โดยเอาที่ว่าที่ดินในโฉนดที่เราจะเอาไปยื่นนั้นตั้งอยู่ในเขตไหนก็ไปที่นั่นเลย ยกเว้นว่า ได้มีการยกเลิกอำนาจนายอำเภอค่อยไปติดต่อกับสำนักงานที่ดินจังหวัดก็ได้ ก่อนจะทำจัดการทำเรื่องก็อย่าเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไปให้พร้อม
หลักฐานประกอบการขอรังวัด แบ่งแยก หรือสอบเขตโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– บัตรประจำตัว ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัวชื่อสกุล (ถ้ามี)
– โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– หลักฐานประกอบการขอรังวัดรวมโฉนดที่ดิน
– บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล (ถ้ามี)
– โฉนดที่ดินที่จะขอรวม ต้องมีลักษณะดังนี้
(1) ต้องเป็นหนังสือสำคัญแสดง ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ประเภทเดียวกัน เว้นแต่ โฉนดแผนที่ กับโฉนดที่ดินให้รวมกันได้
(2) ต้องมีชื่อผู้ถือ ก ร ร ม สิ ท ธิ์ ที่ดินในโฉนดที่ดินเหมือนกันทุกฉบับและต้องยังมีชีวิตอยู่ทุกคน
(3) ต้องเป็นที่ดินติดต่อผืนเดียวกัน ในจังหวัดและสำนักงานที่ดินเดียวกัน
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ขั้นตอนการรังวัด แบ่งแยก รวม สอบเขตที่ดิน
1. รับบัตรคิวจากประชาสัมพันธ์
2. รับคำขอสอบสวน ชำระเงิน ค่ า ธ ร ร ม เ นี ย ม คำขอ
3. ส่งฝ่ายรังวัดดำเนินการ นัดวันทำการรังวัด กำหนดตัวช่างรังวัด กำหนดเงินมัดจำรังวัด
4. ค้นหารายชื่อเจ้าของที่ดินข้างเคียง และพิมพ์หนังสือแจ้งข้างเคียง
5. รับหนังสือแจ้งข้างเคียง วางเงินมัดจำรังวัด รับหลักเขตที่ดิน
6. ช่างรังวัดออกไปทำการรังวัดตามวันที่กำหนดไว้
7. คำนวณเนื้อที่ และเขียนรูปแผนที่ในโฉนดที่ดิน
8. ส่งเรื่องรังวัดคืนฝ่ายทะเบียน เรียกผู้ขอมาจดทะเบียน
9. สอบสวนจดทะเบียนแบ่งแยก
10. ตรวจอายัด
11. ชำระเงินค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน และค่าโฉนด
12. แก้รายการทะเบียน และจดทะเบียนแบ่งแยก
13. สร้างโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
14. เสนอเจ้าพนักงานที่ดินลงนามและประทับตรา
15. แจกโฉนดที่ดินแปลงแบ่งแยก
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ขั้นตอนการขอแบ่งแยกตรวจสอบเนื้อที่ และรวมหนังสือรับรองการทำประโยชน์
1. เจ้าของที่ดินนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์และเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นคำขอ
2. ให้ถ้อยคำในการนัดรังวัด เพื่อกำหนดวันทำการรังวัด
– กำหนดค่าใช้จ่ายในการรังวัด
– กำหนดเจ้าหน้าที่และสถานที่นัดพบ
3. รับเจ้าหน้าที่ไปทำการรังวัดและปักหลัก จนเสร็จการ
4. ลงนามในเอกสารต่าง ๆ
5. รอรับหนังสือแจ้งให้ไปดำเนินการจดทะเบียน ฯลฯ
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรังวัดหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และโฉนดที่ดิน รายละเอียด
1. ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 30 บาท
– ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่) ไร่ละ 2 บาท
2. ค่าธรรมเนียมการพิสูจน์สอบสวนหรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 30 บาท
– ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 30 บาท
– ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
– ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
– ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
3. ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน
– ที่ดินเนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 50 บาท
– ที่ดินเนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน( เศษของไร่ให้คิดเป็นหนึ่งไร่ ) ไร่ละ 2 บาท
4. ค่าธรรมเนียมรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
– ถ้าเรียกเป็นรายแปลง แปลงละ 40 บาท
– ถ้าเรียกเป็นรายวัน วันละ 40 บาท
– ค่าคัดหรือจำลองแผนที่ แปลงละ 30 บาท
– ค่าคำนวณเนื้อที่หรือสอบแส แปลงละ 30 บาท
– ค่าจับระยะ แปลงละ 10 บาท
5. ค่าธรรมเนียมเบ็ดเตล็ด
– ค่าคำขอ แปลงละ 5 บาท
– ค่ามอบอำนาจ เรื่องละ 20 บาท
– ค่าปิดประกาศให้แก่ผู้ปิดประกาศ แปลงละ 10 บาท
– ค่าพยานให้แก่พยาน คนละ 10 บาท
– ค่าหลักเขต หลักละ 15 บาท
6. ค่าใช้จ่ายการรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินหรือพิสูจน์สอบสวน หรือตรวจสอบเนื้อที่เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– ค่าพาหนะเดินทางให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และคนงานจ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
– กระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
– ค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่เจ้าพนักงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ และค่าจ้างคนงานที่จ้างไปทำการรังวัด ให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบ
– กระทรวงมหาดไทย ด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
– ค่าป่ายการให้แก่เจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ หรือผู้แทนที่ไปในการรังวัด ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
– ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการรังวัดให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยด้วยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง เรื่องละ 100 บาท
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
การคิดค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดิน
ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการรังวัดที่ดินที่ผู้ขอจะต้อชำระตามกฎหมาย (กฎกระทรวง ฉบับที่ 47 และ 48 ออกตามความในพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497) มีดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมรังวัด
– เกี่ยวกับโฉนดที่ดิน แปลง/วัน/ละ 40 บาท
– เกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แปลง/วัน/ละ 30 บาท
2. ค่าหลักเขตที่ดิน หลักละ 15 บาท (ตามที่ใช้จริง)
3. ค่าใช้จ่ายในการรังวัดลักษณะเหมาจ่าย ดังนี้
3.1 ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าส่งหมายข้างเคียงทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ 200 บาท
3.2 ค่าป่วยการเจ้าพนักงานผู้ปกครองท้องที่ ไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
3.3 ค่าพาหนะพนักงานเจ้าหน้าที่และคนงานรังวัด วันละไม่เกิน 1,600 บาท
3.4 ค่าคนงานรังวัด คน/วัน 420 บาท (ตามเขตจังหวัดที่กระทรวงการคลังกำหนด)
ทั้งนี้ การกำหนดวันทำการรังวัดตามข้อ 3.3 และ 3.4 กำหนดตามจำนวนเนื้อที่ ดังนี้
การรังวัดเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
1. เนื้อที่ไม่เกิน 5 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่ 3,480 บาท
2. เนื้อที่ไม่เกิน 15 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 6,760 บาท
3. เนื้อที่ไม่เกิน 30 ไร่ เวลาทำการ 3 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 10,040 บาท
4. เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 4 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 13,320 บาท
การรังวัดเกี่ยวกับหนังสือรับรองการทำประโยชน์
– เนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ เวลาทำการ 1 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 2,640 บาท
– เนื้อที่ไม่เกิน 50 ไร่ เวลาทำการ 2 วัน ค่าใช้จ่ายจะเรียกได้ไม่เกิน 5,080 บาท
ขั้นตอนและค่าใช้จ่าย การรังวัด รวม แบ่งแยก สอบเขตที่ดิน
หมายเหตุ
– กรณีเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ ทุก 50 ไร่ หรือเศษเกินกว่า 25 ไร่ ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีที่ดินตั้งอยู่ในพื้นที่องค์กรปกครองรูปแบบพิเศษ เช่น กรุงเทพมหานคร/เมืองพัทยา ฯลฯ หรือเทศบาลนคร หรือเทศบาลเมือง หรือที่สวนเป็นไม้ ยืนต้น เช่น สวนผลไม้ สวนปาล์ม สวนยาง ฯลฯ เป็นต้น ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีการรังวัดต้องคำนวณจำกัดเนื้อที่ ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
- กรณีการรังวัดมีที่ดินข้างเคียงมากแปลง ทุกๆข้างเคียง 30 แปลง หรือเศษเกินกว่า 15 แปลง ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีการรังวัดแบ่งแยกจัดสรร ทุกๆ 8 แปลง หรือเศษเกินกว่า 4 แปลง ให้เพิ่มวันทำการรังวัด 1 วัน
– กรณีมีเหตุข้อ1 และ 2 รวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน ให้เพิ่มวันทำการรังวัดได้ในกรณีใดกรณีหนึ่งเท่านั้น
จะเห็นว่ามีอะไรค่อนข้างจุกจิกและดูยุ่งยากมากทีเดียว แต่ก็ไม่ยากอะไรสำหรับคนที่เคยทำมาบ้างแล้วจะทำง่ายขึ้น คล่องในการเตรียมตัวเตรียมเอกสาร และที่สำคัญคือเตรียมค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในแต่ละขั้นตอนด้วย หากคุณไม่รู้เรื่องอะไรเหล่านี้เลยที่ดินที่คุณมีอาจจะค่อย ๆ กลายเป็นของคนอื่นแบบที่คุณไม่รู้สึกตัวเลยก็ได้ ฉะนั้นก็มีความรู้ติดตัวเอาไว้บ้างจะดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมที่ดิน , sharenoi
นี่คือกล่อง "เขียนข้อความ" กล่องที่จะให้คุณเพิ่มข้อความ รูปภาพและวิดีโอได้อย่างอิสระตามสไตล์ของคุณเอง เช่น แบนเนอร์ โปรโมชั่น บทความ แนะนำร้านค้า หรือ รายการสินค้าเด่น เป็นต้น โดยคุณสามารถแก้ไขหรือลบกล่องนี้ได้หากคุณต้องการ ซึ่งมีวิธีการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีการแก้ไขข้อความในกล่องหน้าที่เข้าชม | 67,011 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 44,316 ครั้ง |
เปิดร้าน | 9 มิ.ย. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 11 ก.ย. 2568 |